บอกเล่าข้อดีข้อเสียแท็บเล็ต ASUS Fonepad 7

บทความแชร์ประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ต ASUS fonepad 7 รหัส FE170CG ข้อดีข้อเสียในการใช้งานแท็บเล็ตรุ่นนี้ เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อไว้ใช้งาน จะได้เลือกใด้ตรงกับความต้องการ


ASUS fonepad 7 รุ่นนี้เริ่มวางจำหน่ายในไทยเมื่อเดือน พฤษภาคม 2557 ในราคา 4,190 บาท เป็นแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว ชูจุดเด่นที่แบตเตอรี่ความจุสูงใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง และเป็นยี่ห้อที่ได้รับความน่าเชื่อถือเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตโทรศัพท์ได้จากบริษัทคู่แข่ง

แต่รุ่นนี้ก็มีข้อดีข้อเสียที่ต้องรู้ก่อนจะซื้อมาใช้งาน เพราะแท็บเล็ตราคาประมาณนี้ แม้จะมีคุณสมบัติดีๆ หลายประการแต่หากเสียหรือเกิดปัญหา มันก็ไม่คุ้มกันกับค่าซ่อม และระยะเวลาที่ต้องนำเครื่องไปซ่อมกับศูนย์ บางเครื่องใช้เวลาเป็นเดือน บางคนเจอเครื่องมีปัญหาตั้งแต่ออกจากร้านก็มี หรือแม้ว่าจะยังอยู่ในระยะประกัน แต่การเคลมก็ยังไม่ง่ายนัก

สำหรับการแชร์ข้อดีข้อเสียเกี่ยวกับเครื่องนี้จะแชร์จากประสบการณ์ตรงที่ได้ใช้มาเกือบปี ซึ่งยังไม่พบปัญหาหนักๆ แต่อย่างใด ยังใช้งานได้ดี และได้แต่ภาวนาว่าขอให้เป็นอย่างนี้ไปนานๆ

ข้อดีของแท็บเล็ตรุ่นนี้
สำหรับแท็บเล็ตรุ่นนี้จะมีข้อดีหรือจุดเด่นที่น่าสนใจ ในงบประมาณ 4000 บาท เช่น
1. แบตเตอรี่ความจุสูงใช้งานได้ยาวนาน หากเครื่องที่ได้มานั้นไม่มีปัญหาใดๆ ก็มั่นใจได้ว่าใช้งานได้อีกนาน เพราะแม้แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อม แต่ก็ยังใช้ได้นานกว่าเครื่องรุ่นอื่น เพราะความจุสูงกว่า

2. การใช้งานแอพพื้นฐานทำได้ดี ไม่มีปัญหาแอพเด้ง ยกเว้น ความจำในเครื่องเหลือน้อย

3. รองรับสาย OTG ทำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด การ์ดรีดเดอร์ กล้องดิจิตอล และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้พอร์ต USB

4. ชาร์จแบตเตอรี่ให้เครื่องอื่นได้ ผ่านสาย OTG

5. คุ้มค่ากับการใช้เครื่องเพื่อไว้เก็บข้อมูล เพลง eBooks ภาพ เพราะสามารถใช้การ์ดหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 64 GB และด้วยแบตเตอรี่ที่อึดทนบวกกับความสามารถในการเชื่อมต่อเพื่อถ่ายโอนข้อมูลผ่านสาย OTG จึงเหมาะสำหรับการซื้อไว้ใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยจัดเก็บข้อมูล แสดงภาพ หรือใช้แท็บเล็ตเพื่อการทำงานได้

6. ใช้เครื่องเพื่อการทำงานได้ เพราะสามารถต่อทั้งเมาส์และคีย์บอร์ดได้พร้อมกัน จึงเหมาะใช้เป็นเครื่องสำรอง ไว้ใช้ทำงานเบาๆ นอกสถานที่

7. ยี่ห้อมีความน่าเชื่อถือ แต่....

ข้อเสียของแท็บเล็ตรุ่นนี้
1. แบตเตอรี่ความจุสูง ใช้งานได้ยาวนาน แต่ห้ามปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือน้อยไม่ถึง 30% ยิ่งน้อยๆ หรือใกล้หมด การชาร์จจะยิ่งใช้เวลานานมาก ถ้าใกล้หมด จะใช้เวลาชาร์จจนกว่าจะเต็ม ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง (เครื่องผมเป็นแบบนั้น) การใช้แบตเตอรี่ต้องชาร์จที่ 65% ขึ้นไป จึงจะใช้ได้นานๆ

2. หากพื้นที่สำหรับติดตั้งแอพเหลือน้อย จะมีปัญหาเครื่องทำงานช้าหรือแอพเด้ง จึงต้องมีหน่วยความจำ SD card และเก็บข้อมูลไว้ในนั้น อย่าเก็บไว้ในเครื่อง ให้เครื่องเหลือหน่วยความจำมากๆ จะทำงานได้ดี

3. ระบบสัมผัสหน่วงๆ เมื่อใช้แอพบางตัว อย่างแอพช่วยพิมพ์ข้อความ การตัดลงบรรทัดใหม่ ไม่ราบรื่น การพิมพ์มีอาการหน่วงให้เห็นจนเกือบรำคาญ แต่ใช้แป้นพิมพ์ภายนอกมาช่วยได้ โดยต่อคีย์บอร์ดมาตรฐานกับสาย OTG หรือใช้คีย์บอร์ด Bluetooth

4. กรณีต่อคีย์บอร์ดภายนอก ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ดมาตรฐานหรือคีย์บอร์ดบลูทูธก็ตาม แป้นพิมพ์ที่มากับเครื่อง ไม่สะดวกในการเปลี่ยนภาษา ใช้ปุ่มตัวหนอน (Tube) ไม่ได้

5. กล้องแย่มากๆ ใน ASUS fonepad 7 รหัส FE170CG กล้องที่มากับเครื่องเหมือนมีไว้เพื่อให้เหมือนคู่แข่งว่ามีเหมือนกัน แต่โชคดีที่สามารถนำกล้องดิจิตอลมาต่อผ่านสาย OTG ได้ การถ่ายภาพจึงไม่เป็นปัญหานัก เพราะแท็บเล็ตราคาประมาณนี้ ส่วนใหญ่กล้องต้องทำใจอยู่แล้ว

6. ต้องซื้อสายดาต้าเพิ่ม ไม่มีมาให้ ซึ่งต้องใช้ในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อถ่ายโอนไฟล์

7. เสียงเบามาก ขณะใช้โทรศัพท์และปุ่มวางสาย แตะแล้วไม่ค่อยจะยอมวางสาย หากไม่ระวัง จะเสียค่าโทรเพิ่มได้

8. ขนาดตัวหนังสือในหน้าจอเล็กมาก แม้จะปรับให้ใหญ่ที่สุดแล้วก็ตาม ขนาดตัวหนังสือในหน้าจอ UI ก็ยังเล็กอยู่ดี ไม่เหมาะสำหรับคนสายตามีอายุ

9. ไม่ใช่ทุกคนจะได้เครื่องที่ดี ไม่มีปัญหา บางคนมีปัญหาตั้งแต่ยังไม่ออกจากร้าน แต่จ่ายเงินไปแล้ว บางคนมีปัญหาเมื่อมาถึงบ้าน การตรวจเช็คเครื่องก่อนจะเซ็นรับเครื่อง จึงต้องละเอียดรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา

10. แท็บเล็ตราคาประมาณนี้ ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน หากเสียขึ้นมา บางทีก็ไม่คุ้มซ่อม ขายต่อก็ไม่เหลือราคา เช่น จอแตก ชาร์จไฟไม่เข้า บอร์ดเสีย พูดตรงๆ ก็คือ ต้องวัดดวง เหมือนกัน อีกทั้งอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคพวกนี้ มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา หากรุ่นไหนใช้ดี ถึก ทน ทาน ผู้ผลิตก็คงจะไม่มีรายได้ จากการจำหน่ายรุ่นใหม่ๆ

ในความคิดเห็นส่วนตัวจากการใช้งานมาเกือบ 1 ปี กับ  ASUS fonepad 7 รหัส FE170CG ถือว่าค่อนข้างพอใจ และโชคดีที่ได้เครื่องที่ไม่มีปัญหา ซึ่ง

ความโชคดีไม่ได้เกิดกับทุกคน หากซื้อมาแล้วได้เครื่องไม่มีปัญหา ก็จะถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป แต่เวลาประมาณนี้ก็ยังบอกอะไรไม่ได้ เพราะเครื่องของหลานเจอปัญหาเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ ชาร์จไฟไม่เข้า ใช้งานมาประมาณ 2 ปี นอกนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร

บทสรุป
สำหรับท่านใดที่สนใจแท็บเล็ตรุ่นนี้ หรือไม่ว่าจะยี่ห้อใดๆ ก็ตาม เครื่องในราคาประมาณนี้ ต้องวัดดวงพอสมควร แต่ก็ต้องตรวจเช็คเครื่องให้ดีก่อนซื้อหรือเซ็นรับเครื่อง ได้เครื่องมาแล้วในระยะเวลา 7 วันที่ยังเคลมเครื่องได้ หรือยังอยู่ในประกัน ก็พยายามทดสอบเครื่องเกี่ยวกับปัญหาที่หลายคนเจอ หากมีปัญหาจะได้เปลี่ยนแต่เนิ่นๆ

หากทำดีที่สุดแล้ว ยังพบปัญหาก็คงจะต้องทำใจ ซ่อมได้ซ่อม ไม่ไหวก็เก็บไว้ทับกระดาษ เหอๆ เพราะแม้จะยังมีประกัน แต่หลายคนก็เจ็บปวดใจกับการเคลม การติดต่อกับศูนย์พอสมควร เสียเงิน เสียเวลา

เมื่อได้ซื้อเครื่องมาแล้ว การดูแล การใช้งานให้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้ใช้งานเครื่องได้อย่างคุ้มค่า เช่น การใช้เคสดีๆ เพื่อปกป้องเครื่องกรณีร่วงหล่นก็ช่วยปกป้องหน้าจอและตัวเครื่องได้ การชาร์จแบตเตอรี่ที่ถูกวิธีเพื่อให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน ระยะเวลาในการใช้งานเครื่องที่ไม่ต่อเนื่องนานเกินไป เป็นต้น

ส่วนท่านใดที่ต้องการความคุ้มค่า และไม่รู้สึกเสียดายกับเงินที่จ่ายไปมากนัก ก็ต้องหาทางใช้แท็บเล็ตเพื่อทำงาน หรือใช้เป็นเครื่องมือช่วยสร้างรายได้ อย่างเครื่องที่ซื้อมานี้ เน้นใช้ทดสอบการติดตั้งแอพต่างๆ เพื่อศึกษาและทำบทความสอนใช้งาน หารายได้จากการ ทำเว็บหาเงินกับ Google Adsense เป็นหลัก แค่เดือนแรก ก็คืนทุนแล้ว จึงไม่เครียดอะไรมากนัก จะเสียตอนไหนก็คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มาแล้ว